การสร้างบ้านสำหรับใครหลายคน ถือเป็นการลงทุนระยะยาว ที่ต้องใช้ทั้งงบประมาณ เวลา และความรอบคอบในการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลือกใช้บริการจากบริษัทรับสร้างบ้านครบวงจร เจ้าของบ้านจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ในบทความนี้ Royal House จะช่วยให้คุณเข้าใจถึง 5 สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่า บ้านของคุณจะถูกสร้างขึ้นอย่างมีคุณภาพ และตรงตามความต้องการของคุณ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกัน
แนะนำ 5 ข้อที่ควรรู้ ก่อนจ้างบริษัทรับสร้างบ้านครบวงจร
ก่อนเลือกบริษัทรับสร้างบ้านครบวงจร มีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่คุณควรรู้ และพิจารณา เพื่อให้ได้บ้านคุณภาพที่ตรงตามความต้องการ และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้
1. หาข้อมูล และทำความรู้จักบริษัทรับสร้างบ้าน
ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่เหมาะสม ควรมีการหาข้อมูลบริษัทต่าง ๆ ให้มากที่สุด โดยเลือกดูข้อมูลจากหลายบริษัท แล้วคัดเลือกไว้อย่างน้อย 3 บริษัทเพื่อเปรียบเทียบรายละเอียด โดยสิ่งที่ควรพิจารณาในการทำความรู้จักบริษัทรับสร้างบ้าน มีดังนี้
- ประสบการณ์ และผลงาน: ตรวจสอบประวัติการทำงานของบริษัท ประสบการณ์ในการสร้างบ้านประเภทต่าง ๆ และผลงานที่ผ่านมา เพื่อดูว่าบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการสร้างบ้านแบบที่คุณต้องการหรือไม่
- ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือ: อ่านรีวิว และความคิดเห็นจากลูกค้าเก่าของบริษัท สอบถามข้อมูลจากคนรู้จักที่เคยใช้บริการ หรือตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูว่าบริษัทมีชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือในการให้บริการหรือไม่
- บริการ และความครอบคลุม: ตรวจสอบว่าบริษัทนั้น ๆ มีบริการอะไรบ้าง เช่น การออกแบบบ้าน การขอใบอนุญาต การก่อสร้าง การตกแต่งภายใน และการรับประกันหลังการขาย รวมถึงขอบเขตการให้บริการ ว่าครอบคลุมพื้นที่ที่คุณต้องการสร้างบ้านหรือไม่
- ทีมงาน และความเชี่ยวชาญ: สอบถามเกี่ยวกับทีมงานของบริษัท เช่น สถาปนิก วิศวกร และช่างก่อสร้าง ว่ามีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการทำงานหรือไม่
- ราคา และเงื่อนไขการชำระเงิน: ควรมีการเปรียบเทียบราคา และเงื่อนไขการชำระเงินของแต่ละบริษัท รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดของสัญญาจ้าง และทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- การติดต่อสื่อสาร: สังเกตวิธีการติดต่อสื่อสารของบริษัท ว่ามีการตอบคำถาม และให้ข้อมูลที่ชัดเจนหรือไม่ รวมถึงมีความกระตือรือร้นในการให้บริการหรือไม่
ทั้งนี้ แหล่งข้อมูลสำหรับค้นหาบริษัทรับสร้างบ้านที่แนะนำ มีดังนี้
- เว็บไซต์ของบริษัท: คุณสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ผลงาน และบริการต่าง ๆ ได้โดยตรงจากเว็บไซต์ของบริษัท
- เว็บไซต์รีวิว: นอกจากนี้ คุณยังสามารถอ่านรีวิว และความคิดเห็นจากลูกค้าเก่าของบริษัทได้จากเว็บไซต์รีวิวต่าง ๆ
- งานแสดงสินค้าเกี่ยวกับบ้าน: คุณอาจลองเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับบ้าน เพื่อพบปะ และพูดคุยกับบริษัทรับสร้างบ้านโดยตรง เช่น บ้านและสวนแฟร์ หรือ รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo เป็นต้น
- การแนะนำจากคนรู้จัก: อีกหนึ่งวิธีที่น่าเชื่อถือ คือการสอบถามข้อมูล และคำแนะนำจากคนรู้จักที่เคยใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน
2. มองหาบริษัทที่จดทะเบียนนิติบุคคลถูกต้อง
ทำไมต้องเลือกบริษัทที่จดทะเบียนนิติบุคคล ? แน่นอนว่าบริษัทที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสำนักงานที่ตั้งชัดเจน และมีทีมงานมืออาชีพอย่างวิศวกร หรือสถาปนิกประจำอยู่ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เจ้าของบ้าน ว่างานก่อสร้างจะเป็นไปตามมาตรฐาน ไม่เสี่ยงต่อการถูกทิ้งงาน หรือปัญหาทางกฎหมาย
อีกทั้งการทำสัญญากับบริษัทที่จดทะเบียนนิติบุคคล จะช่วยให้คุณได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย และหากเกิดปัญหาในการก่อสร้าง เช่น งานไม่ตรงตามแบบ ไม่ได้คุณภาพ หรือบริษัทผิดสัญญา คุณก็สามารถดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายได้
นอกจากนี้ บริษัทที่จดทะเบียนนิติบุคคล ยังมักมีมาตรฐานการทำงานที่สูงกว่าบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียน เนื่องจาก ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
3. สังเกตความเชี่ยวชาญ และสไตล์การสร้างบ้าน
หากต้องการบ้านที่ตรงใจ ก็ควรพิจารณาความเชี่ยวชาญของแต่ละบริษัท จากแบบบ้านที่นำเสนอก่อน และเลือกบริษัทที่มีความชำนาญในการสร้างบ้านในสไตล์ที่เราต้องการ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถก่อสร้างบ้านตามแบบได้อย่างมีคุณภาพ และเพื่อที่จะได้ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในงานก่อสร้าง
4. ราคาสมเหตุสมผล และมีการทำสัญญา
การเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในเรื่องของราคาที่สมเหตุสมผล โดยไม่ควรเลือกบริษัทที่เสนอราคาต่ำเกินไป และไม่มีการตรวจสอบรายละเอียดให้ดีก่อน เพราะอาจนำไปสู่การใช้วัสดุคุณภาพต่ำ หรือมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงภายหลังได้
นอกจากนี้ การทำสัญญาก่อสร้างบ้านก็อีกเรื่องเป็นเรื่องสำคัญ โดยเจ้าของบ้านควรเลือกทำสัญญา ที่มีการกำหนดงวดจ่ายเงินอย่างเป็นระบบ เช่น จ่ายเป็นงวด ๆ ตามความคืบหน้าของงาน หรือมียอดจ่ายก้อนใหญ่ช่วงท้ายของโครงการ เพื่อป้องกันปัญหาถูกทิ้งงานกลางคัน
5. เลือกบริษัท ที่มีบริการครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ
การเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ที่ให้บริการครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย และลดความยุ่งยากในการสร้างบ้าน ซึ่งการมีบริษัทที่ดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ ขออนุญาตก่อสร้าง ไปจนถึงการส่งมอบบ้าน จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า บ้านของคุณจะถูกสร้างขึ้นตรงตามความต้องการ และอยู่ในงบประมาณที่กำหนด นอกจากนี้ ข้อดีของการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านครบวงจรยังมีอีกหลายอย่าง ดังนี้
- ความสะดวกสบาย: คุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการติดต่อประสานงานกับหลายฝ่าย เช่น สถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมา หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพราะบริษัทจะจัดการทุกอย่างให้คุณ ทำให้คุณทั้งประหยัดเวลา และสามารถลดความยุ่งยากในการดำเนินการ
- ความราบรื่น: กระบวนการก่อสร้างจะเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากบริษัทมีการวางแผน และบริหารจัดการโครงการอย่างเป็นระบบ มีการประสานงานระหว่างทีมงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่กำหนด
- การควบคุมงบประมาณ: บริษัทรับสร้างบ้านที่ดี จะช่วยคุณวางแผน และควบคุมงบประมาณในการก่อสร้าง โดยจะมีการเสนอราคาที่ชัดเจน โปร่งใส และมีการแจ้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้คุณทราบล่วงหน้า ทำให้สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม
- การควบคุมคุณภาพ: บริษัทจะควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุ การก่อสร้าง ไปจนถึงการตกแต่งภายใน เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านของคุณจะถูกสร้างขึ้นอย่างมีคุณภาพ และได้มาตรฐาน
- ความรับผิดชอบ: บริษัทจะรับผิดชอบต่องานก่อสร้างทั้งหมด หากเกิดปัญหา หรือข้อบกพร่องใด ๆ คุณก็สามารถติดต่อบริษัทให้แก้ไขได้โดยตรงทันที
อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังมองหา บริษัทรับสร้างบ้านครบวงจร Royal House ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยแบบบ้านที่มีให้เลือกมากกว่า 160 แบบ ทั้งแบบบ้านสไตล์ Modern, Contemporary, Tropical, Classic, Colonial, และ Tuscany โดยสามารถปรับฟังก์ชันได้ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งหากคุณสนใจก็สามารถติดต่อหาเราได้ที่ Line: @royalhouse
ทำไม Royal House ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเจ้าของบ้าน ?
Royal House เป็นบริษัทรับสร้างบ้านครบวงจร ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 38 ปี และมีแบบบ้านให้เลือกมากกว่า 160 แบบ ครอบคลุมหลากหลายสไตล์ นอกจากนี้ ยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการ ตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงการส่งมอบบ้าน พร้อมรับประกันโครงสร้างบ้าน และมีมาตรฐานการก่อสร้างที่ได้รับการยอมรับ ทำให้เจ้าของบ้านมั่นใจได้ว่าจะได้รับบ้านที่มีคุณภาพ และปลอดภัยอย่างแน่นอน
โดยต่อไปนี้ คือข้อสรุปว่าทำไม Royal House ถึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับเจ้าของบ้าน จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน
1. มีประสบการณ์ยาวนาน
Royal House มีประสบการณ์ในการสร้างบ้านมาอย่างยาวนาน ทำให้มีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า และสามารถสร้างบ้านได้ตรงตามความต้องการ
2. มีแบบบ้านหลากหลาย
Royal House มีแบบบ้านให้เลือกมากมาย และหลากหลายสไตล์ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกแบบบ้านที่ตรงกับความชอบ และไลฟ์สไตล์ของตนเองได้
3. มีบริการครบวงจร
Royal House ให้บริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการส่งมอบบ้าน ทำให้ลูกค้าสะดวกสบาย และไม่ต้องเสียเวลาในการติดต่อประสานงานกับหลายฝ่ายเอง
4. มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ
Royal House มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน ทั้งสถาปนิก วิศวกร และช่างก่อสร้าง ที่พร้อมให้คำปรึกษา และดูแลลูกค้าในทุกขั้นตอน
5. มีมาตรฐานการก่อสร้าง
Royal House มีมาตรฐานการก่อสร้างที่ได้รับการยอมรับ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับบ้านที่มีคุณภาพ และปลอดภัยอย่างแน่นอน
6. มีการรับประกัน
Royal House มีการรับประกันโครงสร้างบ้าน 20 ปี, รับประกันหลังคา 5 ปี, และรับประกันเก็บรายละเอียดในตัวบ้านอีก 1 ปี ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ในความแข็งแรง และทนทานของบ้าน
สุดท้ายนี้ การเลือกบริษัทรับสร้างบ้านครบวงจร ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย หากเจ้าของบ้านศึกษา และเลือกบริษัทที่ตอบโจทย์ได้ครบถ้วนตามที่เราแนะนำ ก็จะช่วยให้การสร้างบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น และได้บ้านที่มีคุณภาพตรงตามที่ต้องการ
และหากคุณกำลังมองหาบริษัทรับสร้างบ้านที่เชื่อถือได้ และมีประสบการณ์ Royal House พร้อมที่จะช่วยคุณสร้างบ้านในฝันให้ออกมาสวย และถูกใจ ก็สามารถติดต่อเราได้ทุกเมื่อ เพื่อเริ่มต้นสร้างบ้านของคุณที่ Line: @royalhouse