การสร้างบ้านในแต่ละพื้นที่ จะถูกออกแบบให้เหมาะกับการอยู่อาศัยตามยุคสมัย โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพภูมิประเทศ วิถีชีวิต และสภาพอากาศ รวมไปถึงการรับวัฒนธรรมจากต่างประเทศ จึงทำให้รูปแบบบ้านต่าง ๆ ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ในด้านความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมอบความสะดวกสบายเหมาะแก่การพักผ่อนของเจ้าของบ้านอีกด้วย
ทั้งนี้ การเลือกแบบบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้าน หรือสร้างบ้านด้วยตัวเองกับผู้รับเหมาในเมืองไทย จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสภาพภูมิอากาศเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ประเทศไทยมีอากาศค่อนข้างร้อน และมีสภาพภูมิอากาศแปรปรวนบ่อย ทำให้แบบบ้านต้องเน้นความโปร่งโล่ง และอากาศสามารถถ่ายเทได้อย่างสะดวก
ดังนั้น บ้านที่ดีจึงต้องเป็นสถานที่ที่ตอบโจทย์ ในเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างลงตัว ในบทความนี้ Royal House บริษัทรับสร้างบ้านขอแชร์เคล็ดลับเลือกดีไซน์ และองค์ประกอบอื่น ๆ ของบ้าน เพื่อให้ได้ที่พักอาศัยเหมาะกับสภาพอากาศแบบไทย ถ้าพร้อมกันแล้ว ตามไปดูกันได้เลย
ไขข้อสงสัยกับบริษัทรับบ้าน ดีไซน์บ้านแบบไหน เหมาะกับอากาศร้อน
ประเทศไทย ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น การออกแบบบ้าน จึงต้องให้ความสำคัญกับการระบายอากาศได้เป็นอย่างดี โดยรูปแบบบ้านที่สะท้อนกับการอยู่อาศัย ที่เหมาะกับสภาพอากาศดังกล่าว คือ เรือนไทย ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่โปร่งโล่ง และมีชานบ้านที่ช่วยให้ลมผ่านเข้าสู่ตัวบ้านได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปความนิยมในบ้านทรงเรือนไทยเริ่มลดลงจากในอดีต ปัจจุบันเราจะพบเห็นบ้านรูปแบบนี้ได้เฉพาะในเขตเมืองเก่าหรือตามชนบทเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจาก กระแสโลกาภิวัตน์ และการสร้างบ้านตามเทรนด์สมัยใหม่ เจ้าของบ้านหลายคนจึงหันไปเลือกสไตล์บ้านที่เน้นความทันสมัย ถึงแม้บางครั้งอาจไม่สอดคล้องกับสภาพอากาศร้อนของไทย
เพราะฉะนั้น Royal House บริษัทรับสร้างบ้าน จะมาแชร์จุดสังเกตเกี่ยวกับองค์ประกอบของบ้านที่เหมาะสมกับอากาศร้อน เพื่อช่วยให้การเลือกบ้านสอดคล้องกับการอยู่อาศัยที่สบายมากยิ่งขึ้น ดังนี้
1. หลังคาบ้าน
จุดสังเกตแบบบ้านที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือในส่วนหลังคาบ้าน โดยในพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ได้รับแสงแดดโดยตรง ทำให้เจ้าของบ้านมือใหม่ ควรเลือกแบบบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านที่มีทรงหลังคาเหมาะกับเมืองไทย ได้แก่
- หลังคาทรงปั้นหยา: มีลักษณะทรงเหลี่ยมหันเข้าหากันทั้ง 4 ด้าน เป็นทรงหลังคาที่ดูแข็งแรง สามารถกันฝน และกันแดดได้ทุกมุมของบ้าน
- หลังคาทรงจั่ว: เป็นทรงหลังที่มีลักษณะมุมหลังคาทั้งด้านซ้าย และด้านขวาเอียงประกบกันคล้ายสามเหลี่ยมหน้าจั่ว โดยมีจุดเด่นสามารถระบายน้ำฝนออกไปได้อย่างรวดเร็ว
- หลังคาทรงมะนิลา: เป็นหลังคาที่ลักษณะผสมผสานทรงหลังระหว่างทรงจั่ว และทรงปั้นหยาเข้าด้วยกัน ทำให้ป้องกันฝน ลม และแสงแดดได้เป็นอย่างดี
2. โทนสี
ถัดมากับการเลือกสีของบ้าน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถทำให้บ้านไม่ร้อนจนเกินไป ซึ่งการเลือกสีภายนอก และสีภายในบ้านที่เหมาะสม นอกจากเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านแล้ว ยังสามารถเป็นตัวช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย โดยโทนสีที่เหมาะประเทศเขตร้อนชื้น ควรเลือกใช้สีโทนอ่อน เนื่องจาก โทนสีที่มีความเข้ม จะทำให้ตัวบ้านสะสมความร้อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งสีโทนอ่อนมีคุณสมบัติสะท้อนแสง ป้องกันการดูดซับความร้อน
ทั้งนี้ หากใครไม่สามารถเลือกโทนสีได้ สามารถพิจารณาได้จากการสอบถามความต้องการของคุณเอง ดังนี้
- โทนสีอบอุ่น: การเลือกโทนสีที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น สีน้ำตาล หรือสีเอิร์ธโทนต่าง ๆ จะช่วยให้บรรยากาศโดยรวมของบ้านดูสงบนิ่ง คล้ายกับการอยู่อาศัยในป่าลึก
- โทนสีผ่อนคลาย: สำหรับโทนสีที่ให้ความผ่อนคลาย ได้แก่ สีขาว สีฟ้าอ่อน สีเขียว หรือสีเทา จะทำให้เจ้าของบ้านสัมผัสได้กับความสบายใจ เมื่อใช้โทนสีเหล่านี้
- โทนสีสดชื่น: หากใครต้องการให้บ้านมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ไม่ควรพลาดการใช้สีโทนร้อน อย่าง สีเหลือง สีแดง หรือสีส้ม โดยปรับเฉดสีให้มีความอ่อนลง เพื่อให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็นขึ้น
3. ดีไซน์บ้าน
สุดท้ายกับการเลือกดีไซน์บ้าน เนื่องจาก ลักษณะของบ้านแต่ละรูปแบบ จากบริษัทรับสร้างบ้าน มีโครงสร้างที่แตกต่างกัน ซึ่งลักษณะของรูปแบบบ้านที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนนั้น ต้องให้ความสำคัญกับหน้าต่าง หรือช่องลม ที่ช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่ง เพื่อให้อากาศภายในการถ่ายเท และการไหลเวียนได้ โดยรูปแบบบ้านที่เหมาะกับเมืองไทย ได้แก่
- โมเดิร์น (Modern): เป็นสไตล์บ้านแบบเรียบง่าย ไม่มีความซับซ้อน ด้วยการออกแบบคล้ายกับรูปทรงเรขาคณิตเรียงต่อกัน รวมถึงตัดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออก โดยจะเน้นความโปร่งโล่งเป็นหลัก
- โคโลเนียล (Colonial): เป็นสไตล์บ้านที่ผสมผสานระหว่างความเป็นไทย กับสถาปัตยกรรมฝั่งตะวันตก ซึ่งสามารถเห็นได้จากบ้านของขุนนาง และข้าราชการในสมัยรัชกาลที่ 5
- คอนเทมโพรารี (Contemporary): เป็นแบบบ้านร่วมสมัยที่ผสมผสานระหว่างความโมเดิร์น กับความคลาสสิก ทำให้แบบบ้านเหมาะกับอยู่อาศัยตามหลักการโมเดิร์น แต่ยังคงความหรูหราตามสไตล์คลาสสิก
อย่างไรก็ตาม หากต้องการปรึกษา หรือสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อ Royal House ได้ที่ Line: @royalhouse
แนะนำ 3 แบบบ้าน 2 ชั้น จากบริษัทรับสร้างบ้าน เหมาะกับเมืองไทย
การเลือกแบบบ้าน 2 จะช่วยถ่ายเทความร้อนภายในบ้านได้ดีกว่าบ้านเดียว เนื่องจาก ความร้อนจากใต้หลังคา จะถูกกั้นด้วยพื้นที่ชั้นบนของบ้าน ในขณะแบบบ้านชั้นเดียว ต้องรับความร้อนโดยตรงจากใต้หลังคา ทำให้บ้าน 2 ชั้น จึงเหมาะสมกับการอยู่อาศัยในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยมากกว่า สำหรับแบบบ้าน 2 ชั้น ที่น่าสนใจ และเหมาะกับสภาพอากาศแบบไทย จาก Royal House บริษัทรับสร้างบ้าน มีดังนี้
1. แบบบ้าน RH-MD.2185
แบบบ้าน RH-MD.2185 เป็นบ้านในสไตล์โมเดิร์น จึงทำให้บ้านดูมีความทันสมัย พร้อมด้วยหลังคาทรงจั่ว ที่ดูโดดเด่น ซึ่งแตกต่างกับบ้านโมเดิร์นหลังอื่น ๆ ที่นิยมใช้หลังคาทรงแบน อีกทั้งยังใช้โทนสีเอิร์นโทน ซึ่งเหมาะกับเจ้าของบ้านที่ชอบบรรยากาศของที่พักอาศัยที่ดูอบอุ่นได้อย่างลงตัว โดยมีองค์ประกอบของบ้าน ดังนี้
- พื้นที่ดิน: 70 ตร.ว.
- พื้นที่ใช้สอย: 241 ตร.ม.
- ฟังก์ชันอื่น : 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และ 3 ที่จอดรถ
2. แบบบ้าน RH-CL.2121
สำหรับผู้ที่หลงใหลในบ้านสไตล์ร่วมสมัย ไม่ควรพลาดแบบบ้าน RH-CL.2121 ซึ่งเป็นบ้านสไตล์โคโลเนียล ที่มอบบรรยากาศ และความรู้สึกถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง ด้วยความโดดเด่นจากสีภายนอกในโทนสีเหลืองสดใส เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านที่ชื่นชอบความสดชื่น
นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบให้มีจำนวนหน้าต่างที่เพียงพอ เพื่อช่วยในการระบายอากาศ ทำให้การอยู่อาศัยภายในบ้านเย็นสบาย โดยมีองค์ประกอบของบ้านที่น่าสนใจ ดังนี้
- พื้นที่ดิน: 84 ตร.ว.
- พื้นที่ใช้สอย: 347 ตร.ม.
- ฟังก์ชันอื่น : 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ
3. แบบบ้าน RH-CT.2109
สุดท้ายกับแบบบ้าน RH-CT.2109 เป็นบ้านในสไตล์คอนเทมโพรารี ที่ได้รับการตกแต่งที่เรียบหรู และดูผ่อนคลาย จากการใช้สีทาภายนอกอย่างสีเขียว ทำให้ที่พักอาศัยใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น พร้อมกับหลังคาหลังคาทรงปั้นหยา ทำให้บ้านพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ทั้งปี ไม่ว่าจะแสงแดด หรือพายุฝน ทั้งนี้ ยังมีองค์ประกอบของบ้านอื่น ๆ ดังนี้
- พื้นที่ดิน: 131.69 ตร.ว.
- พื้นที่ใช้สอย: 482 ตร.ม.
- ฟังก์ชันอื่น : 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ
สุดท้ายนี้ สำหรับผู้ที่สนใจ หรือกำลังวางแผนสร้างบ้าน ที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยในเมืองไทย ก็อย่าลืมบริษัทรับสร้างบ้านคุณภาพ อย่าง Royal House ที่จะช่วยสานฝันบ้านของคุณให้สมบูรณ์ จากประสบการณ์กว่า 38 ปี กับผลงานสร้างบ้านกว่า 6,000 หลัง หากต้องการปรึกษา หรือสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่ Line: @royalhouse