สร้างบ้านตามแบบ เลือกไม่ยากอย่างที่คิด

การสร้างบ้านตามแบบ อาจเป็นเรื่องที่ฟังดูซับซ้อน และเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ต้องพิจารณา แต่ในความเป็นจริง การเลือกแบบบ้านที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้อยู่อาศัยนั้น ไม่ยากอย่างที่หลายคนคิด การมีบ้านในฝันที่สะท้อนตัวตน และการใช้ชีวิตของเจ้าของบ้านสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านการวางแผนที่ดี และการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล

โดยหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการสร้างบ้าน คือการเลือก “แบบบ้าน” ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ ความต้องการใช้พื้นที่ และการใช้ชีวิตในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาขนาดของบ้าน การจัดวางห้องต่าง ๆ เพื่อความสะดวกสบาย หรือการเลือกดีไซน์ที่สวยงามเข้ากับบริบทของพื้นที่ ทุกอย่างล้วนส่งผลต่อความสุข ในการอยู่อาศัยของเจ้าของบ้านในอนาคต

ซึ่งบริษัทรับสร้างบ้าน Royal House เชื่อว่าการสร้างบ้านในฝันไม่ยากอย่างที่คิด ด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในด้านการรับสร้างบ้านกว่า 38 ปี จึงพร้อมที่จะทำให้กระบวนการทั้งหมดง่ายขึ้น และตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างครบถ้วน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูพร้อม ๆ กันว่าทำอย่างไร

การสร้างบ้านตามแบบที่ดี ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ?

การสร้างบ้านตามแบบที่ดี ต้องมีคุณสมบัติหลากหลายที่ช่วยให้บ้านตอบสนองความต้องการ และคงทนในระยะยาว ซึ่งคุณสมบัติที่สำคัญของการสร้างบ้านตามแบบที่ดี รวมถึงบริการที่คุณควรได้รับจากบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ มีดังต่อไปนี้

1. การออกแบบ และเขียนแบบที่ตรงตามความต้องการ

ขั้นตอนแรกของการสร้างบ้านตามแบบ คือการออกแบบ และเขียนแบบ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการกำหนดลักษณะของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง ฟังก์ชันการใช้งาน หรือการจัดวางพื้นที่ต่าง ๆ ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม และไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย 

นอกจากนี้ บริษัทรับสร้างบ้านที่ดี ควรมีทีมสถาปนิก และวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษา และช่วยปรับเปลี่ยนแบบบ้านให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นแบบบ้านสำเร็จรูปที่มีการปรับแต่งเล็กน้อย หรือการออกแบบบ้านใหม่ทั้งหมดตามไอเดียของลูกค้า โดย Royal House ก็มีแบบบ้านมาให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่

• แบบบ้านมาตรฐานของบริษัท: โดยลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้เล็กน้อย ตามความเหมาะสม
• ออกแบบตามไอเดีย: กรณีที่ลูกค้ามีไอเดีย ก็สามารถปรึกษาสถาปนิกมืออาชีพ เพื่อออกแบบบ้านให้กับใจได้
• มีแบบมาเอง: ในกรณีที่มีแบบมาเอง ก็สามารถสร้างบ้านตามแบบนั้นได้

ทั้งนี้ การวางแผน และออกแบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายควบคุมอาคาร ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม บริษัทรับสร้างบ้านควรมีความรู้ความเข้าใจในกฎระเบียบต่าง ๆ เช่น การจัดทำระบบระบายอากาศ การคำนวณความสูงของอาคาร และการจัดการทางน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าการก่อสร้างนั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่ถูกต้องที่สุด

2. การขออนุญาตก่อสร้าง และประสานงานกับหน่วยงานราชการ

การขออนุญาตก่อสร้าง เป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก และต้องการความชำนาญด้านกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ โดย Royal House มีบริการติดต่อ และประสานงานกับหน่วยงานราชการเพื่อขออนุญาตก่อสร้างให้กับลูกค้า การยื่นเอกสารต่าง ๆ เช่น การขอมิเตอร์ไฟฟ้า และประปา การขอเลขที่บ้าน หรือการขอใบอนุญาตปลูกสร้าง ก็เป็นส่วนหนึ่งของบริการที่บริษัทจะเข้ามาทำให้ เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องเผชิญกับความซับซ้อนของกระบวนการเหล่านี้

3. วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน

วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง เป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อคุณภาพ และความคงทนของบ้านในระยะยาว บริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพ ควรเลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน มีความทนทาน และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของพื้นที่ก่อสร้าง เช่น วัสดุที่สามารถป้องกันความร้อน หรือวัสดุที่สามารถทนทานต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้

4. การรับประกันผลงาน

บริษัทรับสร้างบ้านที่ดี ควรมีการรับประกันคุณภาพงานก่อสร้าง หลังจากส่งมอบบ้านให้กับลูกค้า โดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างหลักของบ้าน เช่น หลังคา และพื้นฐานที่สำคัญ เป็นต้น

นอกจากนี้ การรับประกันการเก็บงานรายละเอียดภายในบ้าน เช่น การเก็บสี การซ่อมแซมจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ควรเป็นส่วนหนึ่งของบริการที่บริษัทมอบให้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ ว่าบ้านจะไม่มีปัญหาหลังจากการก่อสร้างเสร็จสิ้น

5. บริการให้คำปรึกษาทางการเงิน

การสร้างบ้าน เป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายสูง บริษัทรับสร้างบ้านที่น่าเชื่อถือควรมีบริการให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ลูกค้า รวมถึงการช่วยติดต่อสถาบันการเงิน เพื่อขอสินเชื่อสำหรับการสร้างบ้าน ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลา และได้ข้อเสนอทางการเงินที่เหมาะสม

6. ความเชี่ยวชาญในการสร้างบ้านตามแบบ

การสร้างบ้านตามแบบ ต้องการความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่เพียงพอ เพื่อให้บ้านที่สร้างออกมาตรงตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านตามแบบ ที่ลูกค้าออกแบบเอง หรือการสร้างบ้านตามแบบมาตรฐานของบริษัท บริษัทรับสร้างบ้านที่ดีนั้น ควรมีทีมงานที่มีประสบการณ์ และความชำนาญในการสร้างบ้านประเภทต่าง ๆ รวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชัน หรือดีไซน์ตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างยืดหยุ่น

7. มาตรฐานที่มีความเป็นมืออาชีพ

การมีขั้นตอนการปลูกสร้างบ้านที่เป็นมาตรฐาน และมีการจัดการที่เป็นระบบ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น และมีคุณภาพ โดยบริษัทรับสร้างบ้านที่มีประสบการณ์มากกว่า 38 ปี อย่าง Royal House ก็เป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีมาตรฐานสูงในกระบวนการก่อสร้าง ตั้งแต่การสำรวจที่ดินก่อนการก่อสร้าง การออกแบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมาย ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพของงานในทุกขั้นตอน

8. บริการหลังการขายที่เชื่อถือได้

การบริการหลังการขาย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านน่าเชื่อถือ เนื่องจากบริษัทที่มีการให้บริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจสอบ และซ่อมแซมบ้านหลังการก่อสร้าง การให้คำแนะนำเรื่องการบำรุงรักษาบ้าน และการรับประกันคุณภาพของโครงสร้างบ้าน รวมถึงวัสดุที่ใช้ จะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพของบ้านในระยะยาวนั่นเอง

9. การปรับแต่งบ้าน ให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะ

ทุกครอบครัวมีความต้องการ และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน บริษัทรับสร้างบ้านที่ดีจึงควรมีความสามารถ ในการปรับแต่งบ้านได้ตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า เช่น การออกแบบพื้นที่ให้รองรับการใช้ชีวิตที่หลากหลาย หรือการเลือกวัสดุ และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ในระยะยาว เป็นต้น เพื่อให้บ้านที่สร้างออกมาสะท้อนถึงตัวตน และวิถีชีวิตของเจ้าของบ้านมากที่สุด

บริษัทรับสร้างบ้าน Royal House บริการสร้างบ้านตามแบบที่คุณวางใจ

Royal House เป็นหนึ่งในบริษัทที่เชี่ยวชาญการสร้างบ้านตามแบบ โดยเข้าใจทุกความต้องการ และสามารถปรับแบบบ้านให้ตรงตามรสนิยม รวมถึงการใช้ชีวิตของลูกค้า เพื่อให้บ้านของคุณกลายเป็นพื้นที่แห่งสุขของครอบครัวอย่างแท้จริง

หากคุณกำลังมองหาบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการสร้างบ้าน อย่าลืมนึกถึง Royal House ที่ให้บริการสร้างบ้านแบบครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจที่ดิน จนถึงการติดต่อหน่วยงานราชการต่าง ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อเพื่อขอคำปรึกษา สามารถติดต่อได้ที่ Line: @royalhouse