การเลือกผู้รับเหมาสำหรับสร้างบ้าน ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาชีพผู้รับเหมาสร้างบ้านในไทยนั้น ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรอง หรือใบอนุญาตพิเศษใด ๆ จึงมีความเสี่ยงที่เจ้าของบ้าน อาจเลือกจ้างผู้รับเหมาขนาดเล็กที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพียงเพราะเสนอราคาที่ถูกกว่า
หากเกิดปัญหา เช่น ผู้รับเหมาทิ้งงาน หรือโกงเงิน ก็อาจทำให้มีค่าเสียหายสูงมาก จนถึงขั้นต้องฟ้องร้องกันไปมา โดยเหตุการณ์เหล่านี้ ก็เป็นสิ่งที่เรามักเห็นในข่าวกันเป็นประจำ ซึ่งผู้รับเหมาที่ดี และมีความน่าเชื่อถือ จะต้องมีทีมงานที่ครบครัน และให้คำแนะนำกับเจ้าของบ้านได้
ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบบ้าน การเขียนแบบ การสำรวจที่ดิน ไปจนถึงการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการ ทั้งนี้ หากคุณตรวจสอบ และหาผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ อย่าง ความรอบคอบ ก็จะมั่นใจได้ว่าบ้านของคุณจะถูกสร้างอย่างมีคุณภาพ มีความแข็งแรงทนทาน ที่สำคัญคือคุณจะไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเท หรือโกงเงิน
แล้วเจ้าของบ้านควรมีวิธีเลือกผู้รับเหมาอย่างไร ให้มั่นใจว่าจะไม่โดนเท ? บทความวันนี้ Royal House บริษัทรับสร้างบ้านมีเคล็ดลับน่าสนใจมาแนะนำ !
เทคนิคเลือกผู้รับเหมาสร้างบ้านอย่างไร ให้ไม่โดนเท
เจ้าของบ้านที่กำลังหาผู้รับเหมามาสร้างบ้าน ควรระมัดระวังให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะหากเลือกผู้รับเหมาผิด ไม่เพียงแค่ทำให้บ้านในฝันของคุณกลายเป็นฝันร้าย แต่ยังทำให้เกิดปัญหาการทิ้งงาน หรือการถูกโกงได้ ทำให้ต้องเสีย ทั้งเงิน และเวลา ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ Royal House มีเทคนิคการเลือกผู้รับเหมาดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะไม่โดนเท ดังนี้
1. ตรวจสอบประวัติ และความน่าเชื่อถือ
สิ่งสำคัญที่ต้องทำก่อนเลือกผู้รับเหมา คือการค้นหา และรวบรวมข้อมูลของผู้รับเหมาที่ดูน่าไว้ใจ และมีมาตรฐานมาคัดเลือก โดยคุณควรตรวจสอบประวัติการก่อสร้างที่ผ่านมา และดูว่าผู้รับเหมาเหล่านั้น มีที่ตั้งเป็นหลักแหล่งชัดเจนหรือไม่ ซึ่งหากผู้รับเหมาที่เลือกเป็นบริษัทจำกัด มีการจดทะเบียนพาณิชย์ถูกต้องตามกฎหมาย หรือเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดก็จะดีมาก
2. ต้องมีผลงานการสร้างบ้านมาก่อน
การตรวจสอบผลงานการสร้างบ้านที่ผ่านมา เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานของผู้รับเหมา โดยผู้รับเหมาที่มีความน่าเชื่อถือควรพาคุณไปเยี่ยมชม หรือโชว์ผลงานบ้านที่เคยสร้างไว้ เพื่อให้คุณได้เห็นฝีมือการก่อสร้างจริง ๆ
นอกจากนี้ การดูผลงานที่เคยทำมายังช่วยให้คุณประเมินได้ว่า มาตรฐานของผู้รับเหมารายนั้น สอดคล้องกับความต้องการของคุณหรือไม่ ทั้งยังสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ ไปเปรียบเทียบกับผู้รับเหมารายอื่น ๆ เพื่อให้ได้ตัวเลือกที่ดีที่สุด
3. ขอใบเสนอราคาค่าก่อสร้าง
เมื่อหาผู้รับเหมาที่ถูกใจได้ 2-3 รายแล้ว ให้คุณแจ้งรายละเอียดการก่อสร้าง และขอใบเสนอราคาจากผู้รับเหมา จะทำให้คุณเห็นมาตรฐาน และขั้นตอนการทำงานของผู้รับเหมาได้ โดยใบเสนอราคานี้ จะทำให้คุณทราบค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมด
รวมถึงรายละเอียดการก่อสร้าง และมาตรฐานของวัสดุ จากนั้นจึงนำใบเสนอราคาทั้งหมดมาเปรียบเทียบกัน แล้วค่อยเลือกผู้รับเหมาที่ให้ราคาสอดคล้องกับมาตรฐานวัสดุ และรายละเอียดก่อสร้างที่แจ้งมามากที่สุด
4. มีสัญญาว่าจ้างชัดเจน
เมื่อเลือกผู้รับเหมาที่ต้องการได้แล้ว ก่อนที่จะเริ่มงานก่อสร้าง สิ่งสำคัญที่ต้องทำ คือการทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยสัญญานี้ควรครอบคลุมรายละเอียดที่สำคัญทั้งหมด เช่น ระยะเวลาการก่อสร้าง วัสดุที่ใช้ การแบ่งชำระเงินตามงวด ที่กำหนดตามความคืบหน้าของงาน รวมถึงเงื่อนไขการรับประกันการก่อสร้าง
เนื่องจาก การมีสัญญาที่ชัดเจนจะช่วยป้องกันความเข้าใจผิด และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งบริษัทรับเหมาที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐานมักจะเป็นผู้จัดทำสัญญาให้คุณโดยไม่ต้องร้องขอ เพื่อให้คุณมั่นใจในความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือของงานก่อสร้าง
5. มีมาตรฐานในการทำงานที่เป็นระบบ
เมื่อเริ่มต้นการทำงานแล้ว ผู้รับเหมาที่คุณเลือกควรมีการวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ รวมถึงมีเอกสารค่าใช้จ่ายวัสดุ (Bill of Quantities / BOQ) ที่แจกแจงรายละเอียดการใช้วัสดุ และค่าใช้จ่ายระหว่างการก่อสร้างไว้อย่างละเอียด
เพราะการสร้างบ้านหนึ่งหลัง ไม่ได้เป็นแค่การนำวัสดุต่าง ๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน แต่ต้องใช้หลักการทางสถาปัตยกรรม วิศวกรรมโครงสร้าง และวิศวกรรมระบบ ที่ต้องอาศัยผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง
หากผู้รับเหมาที่คุณเลือก มีทั้ง 5 ข้อที่ได้กล่าวไป ก็จะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของบ้านได้มากพอสมควร ซึ่งนอกจากเอกสาร และมาตรฐานการทำงานที่เป็นระบบแล้ว Royal House ก็มีคู่มือตรวจงานก่อสร้างบ้าน ที่ได้รวบรวม และพัฒนามาจากประสบการณ์ในการสร้างบ้านกว่า 38 ปีของเรา เพื่อให้บ้านทุกหลังที่เราสร้าง มีมาตรฐานเดียวกัน
เคล็ดลับ! เลือกผู้รับเหมาสร้างบ้านให้ถูกใจ แล้วผลลัพธ์จะดีเกินคาด !
การเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน หรือผู้รับเหมาที่ดี ไม่ใช่เพียงแค่ป้องกันปัญหาการทิ้งงาน หรือการโกงเงินเท่านั้น แต่ยังมีข้อดีมากมายที่ทำให้บ้านในฝันของคุณกลายเป็นจริง ด้วยคุณภาพที่น่าพึงพอใจ จะมีอะไรไปดูกัน
ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่าง และหลังการก่อสร้าง
หากมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่าง หรือหลังการก่อสร้าง ผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญมักจะหาทางแก้ไข และรับมือกับปัญหาได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจ และไม่ต้องรับมือกับความวุ่นวายที่ตามมาด้วยตนเอง
มีเอกสาร และหลักฐานครบถ้วน
การมีสัญญาจ้างที่เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน ย่อมทำให้เกิดความสบายใจมากกว่าการไม่มีเอกสาร หรือหลักฐานใด ๆ เลย เพราะหากผู้รับเหมาเทงาน หรือตั้งใจโกงงาน คุณก็จะมีสัญญาจ้าง และเอกสารอื่น ๆ ที่จะทำให้สามารถฟ้องร้องเอาผิดกับผู้รับเหมาได้
นอกจากนี้ การที่ผู้รับเหมาให้เอกสาร BOQ (Bill of Quantity) ซึ่งเป็นเอกสารที่แสดงราคากลางในการก่อสร้าง และมีรายละเอียดเกี่ยวกับรายการ รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้างที่ต้องใช้งานจริง โดยจะรวมทั้งวัสดุที่ต้องใช้ในงานสถาปัตยกรรม แบบวิศวกรรมโครงสร้าง และแบบวิศวกรรมระบบ
ทำให้เจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบเงิน ที่ผู้รับเหมาเบิกไปเพื่อซื้อวัสดุนั้น ๆ ได้ว่า ตรงกับที่กำหนดไว้ในเอกสารหรือไม่ รวมถึงมีการใช้ตรงกับปริมาณที่เขียนไว้จริงไหม กล่าวได้ว่าเอกสาร BOQ นี้ เป็นเอกสารที่จะช่วยควบคุมรายจ่ายค่าวัสดุของคุณ ให้อยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้นั่นเอง
ติดตามความคืบหน้าของงานได้
การที่คุณมีเอกสารค่าใช้จ่ายวัสดุ จะทำให้คุณสามารถติดตามความคืบหน้าของงาน และตรวจสอบการใช้วัสดุต่างๆ ที่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในเอกสารได้ ซึ่งเอกสารนี้ถือว่ามีข้อดีกับเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก
ควรแบ่งชำระเป็นงวดตามความคืบหน้า
การแบ่งชำระเงินเป็นงวดตามความคืบหน้า จะเป็นการสร้างหลักประกันให้กับเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี ว่าผู้รับเหมาจะไม่มีการทิ้งงานอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังช่วยลดระยะเวลาในการทำงาน และสามารถแบ่งเบาภาระทางการเงินของคุณได้อีกด้วย
สุดท้ายนี้ Royal House บริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพพร้อมให้บริการ หากคุณต้องการสร้างบ้านในฝัน เราพร้อมรังสรรค์ทุกขั้นตอนให้บ้านของคุณออกมาแข็งแรง และสวยงามที่สุด เพราะเราต้องการให้ “บ้าน” เป็นสถานที่ที่คุณสามารถสร้างรอยยิ้ม และความทรงจำร่วมกับครอบครัวได้ในทุกวัน หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่ Line: @royalhouse