ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสวินเทจ (Vintage) ยังคงได้รับความนิยมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย และยังคงวนเวียนอยู่ในการดีไซน์สิ่งต่าง ๆ เช่น แฟชั่นเสื้อผ้า สิ่งของเครื่องใช้ ของสะสม หรือแม้แต่การตกแต่งที่อยู่อาศัย เป็นต้น
ทั้งนี้ แนวทางการตกแต่งบ้านวินเทจ เป็นสไตล์บ้านที่เหมาะกับสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความย้อนยุค จากของสะสมโบราณที่มีคุณค่า จะช่วยสร้างบรรยากาศของบ้านให้ดูอบอุ่น และมีเสน่ห์จนน่าหลงใหล จึงไม่แปลกใจที่สไตล์ดังกล่าวยังคงเป็นที่พูดถึง และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แบบบ้านสไตล์วินเทจ ไม่เพียงแต่การตกแต่งบ้านด้วยของโบราณ หรือของเก่าเพียงเท่านั้น ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยให้บ้านมีเอกลักษณ์ในรูปแบบวินเทจ ดังนั้น ในบทความนี้ Royal House จะมาแชร์เคล็ดลับแต่งบ้านสไตล์วินเทจ เพื่อสร้างบรรยากาศให้บ้านของคุณดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมกันแล้ว ไปดูกันเลย
รู้หรือไม่? แบบบ้านวินเทจ มีที่มาจากการบ่มไวน์
วินเทจ (Vintage) มาจากภาษาฝรั่งเศสคำว่า Vendage หมายถึง การบ่มไวน์ ซึ่งการบ่มไวน์นั้น ยิ่งนานไวน์จะยิ่งมีคุณภาพดี และขายได้ราคาแพง ดังนั้น เมื่อนำคำว่าวินเทจมาใช้เรียกดีไซน์ทางสถาปัตยกรรม จึงหมายถึงอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ที่เมื่อเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ คุณค่าของมันก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ บ้านในสไตล์วินเทจ มักถูกออกแบบบ้านมาอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียด แต่ก็ยังคงความเรียบง่ายไว้อยู่ เพื่อให้ที่อยู่อาศัยรองรับสมาชิกในครอบครัวไป พร้อมกับความกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
ดังนั้น บ่อยครั้งเราจะเห็นว่าการแต่งบ้านสไตล์วินเทจ มักถูกออกแบบบ้านมาให้ดูย้อนยุคแต่ไม่คร่ำครึ และมีกลิ่นอายของความโบราณอบอวลล้อมรอบตัวบ้าน ซึ่งถือเป็นความพิเศษของบ้านแนววินเทจ ที่ต่างจากบ้านดีไซน์อื่น ๆ และกลายเป็นภาพลักษณ์ของบ้านแนวนี้มาจนถึงปัจจุบัน
4 เคล็ดลับแต่งบ้านสไตล์วินเทจ ที่ไม่ได้มีดีแค่ความโบราณ
หลายคนเห็นคำว่าวินเทจก็มักจะโฟกัสไปที่คำว่า “เก่า” เป็นอันดับแรก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะอัตลักษณ์หลักของแบบบ้านสไตล์วินเทจคือการตกแต่งที่ดูย้อนยุค เต็มไปด้วยความโบราณ และคลาสสิก ซึ่งเคล็ดลับในการตกแต่งบ้านในสไตล์วินเทจยังมีอีกหลายข้อ ดังนี้
1. ตกแต่งด้วยลายอิฐแดงหรือลายไม้
อย่างที่กล่าวไปในข้อแรก บ้านวินเทจมีพื้นฐานโครงสร้างจากบ้านยุคก่อนที่นวัตกรรมการสร้างบ้านจะพัฒนา ดังนั้น การสร้างบ้านจึงใช้วัสดุที่หาได้ง่าย อย่าง ไม้ หรืออิฐแดง แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้าม เนื่องจาก ไม้ และอิฐแดงกลายเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีต้นทุนสูง
ดังนั้น ช่างก่อสร้าง หรือบริษัทรับสร้างบ้านจึงเลือกใช้วอลล์เปเปอร์ หรือการทำลวดลายแบบไม้ หรืออิฐแทนการใช้วัสดุจริง เพื่อประหยัดงบประมาณในการก่อสร้าง ซึ่งถ้าเลือกทีมช่างที่มีฝีมือ และเชี่ยวชาญ คุณก็จะได้ลวดลายของบ้านแบบสมจริงที่สุด
2. เน้นโทนสีอ่อน หรือสีเอิร์ธโทน ไม่ฉูดฉาด
อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับการแต่งบ้านสไตล์วินเทจ เพื่อให้กลมกลืนกับของสะสมโบราณ คือ การเลือกโทนสีของบ้านที่เน้นไปทางพาสเทล หรือสีเอิร์ธโทน ไม่ฉูดฉาด และเข้ากันได้ดีกับธรรมชาติรอบตัวบ้าน ให้ความรู้สึกอบอุ่น และสบายตา
ทั้งยังทำให้บ้านดูเป็นมิตรกับผู้อยู่อาศัยมากขึ้น และให้ความรู้สึกแตกต่างจากบ้านสไตล์อื่นค่อนข้างมาก เนื่องจาก ไม่ยึดติดกับแนวคิดที่ต้องทันกระแสอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้บรรยากาศของบ้านกลายเป็นสถานที่สำหรับอยู่อาศัยที่สงบ และเป็นส่วนตัว
3. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์รูปทรงคลาสสิก
ลักษณะสำคัญประการสุดท้าย มีส่วนทำให้ดีไซน์ของบ้านมีความวินเทจมากขึ้น คือ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์รูปทรงคลาสสิก เข้ามาช่วยในการตกแต่ง โดยจุดเด่นของเฟอร์นิเจอร์ จะมีส่วนโค้งเว้าที่ไม่น้อย หรือมากจนเกินไป เรียกได้ว่าไม่เรียบง่ายถึงขั้นมินิมอล แต่ก็ไม่ได้ดูหรูหราราคาแพงจนเอื้อมไม่ถึง เป็นความพอดีที่ลงตัว และสมบูรณ์แบบที่จะเห็นได้เฉพาะสไตล์วินเทจเท่านั้น
4. เพิ่มองค์ประกอบจากวัสดุโครม
การใช้วัสดุโครม (Chrome) เพิ่มองค์ประกอบให้กับของตกแต่งภายในบ้าน จะช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องประดับ ซึ่งความเงาของวัสดุโครม ช่วยเพิ่มความหรูหรา และความสวยงามให้กับบ้านในสไตล์วินเทจได้อย่างลงตัว
ทั้งหมดนี้ คือข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการแต่งบ้าน ในสไตล์วินเทจที่เรานำมาฝากกับกลุ่มนิยมของโบราณ หรือย้อนยุค กันในวันนี้ สำหรับใครที่ชื่นชอบสไตล์บ้านแนววินเทจ แต่ยังไม่มีไอเดียในการออกแบบ ก็สามารถใช้บริการการออกแบบบ้านจากทาง Royal House ได้เลย รับรองว่าดีไซน์ออกมาสวยถูกใจ มีมาตรฐานระดับสากล และคุ้มราคาแน่นอน หากสนใจออกแบบกับทางเราก็สามารถติดต่อมาได้ที่ Line: @royalhouse